ละมุด สรรพคุณและประโยชน์ของละมุด 8 ข้อ !

ละมุด สรรพคุณและประโยชน์ของละมุด 8 ข้อ !

ละมุด
ผู้สนับสนุน 

ละมุด

ละมุด ชื่อสามัญ Sapodilla
ละมุด ชื่อวิทยาศาสตร์ Manilkara zapota (L.) P.Royen (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Manilkara achras (Mill.) Fosberg) จัดอยู่ในวงศ์พิกุล (SAPOTACEAE)
ละมุด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ละมุดฝรั่ง (ภาคกลาง), ชวานิลอ (ปัตตานี,มลายู ยะลา), สวา เป็นต้น

ลักษณะของละมุด

  • ต้นละมุด มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนแถว ๆ ประเทศเม็กซิโก อเมริกากลาง และอินเดียตะวันตก จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง พุ่มทึบ มีกิ่งก้านแตกออกเป็นชั้น ๆ รอบ ๆ ลำต้น ในบ้านเราแหล่งที่ปลูกละมุดในบ้านเราก็ที่ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยสายพันธุ์ละมุดที่นิยมปลูกนั้นก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด นั้นก็คือ ละมุดไทย (ละมุดสีดา) และ ละมุดฝรั่ง
  • ใบละมุด ใบเป็นใบเดี่ยว มักออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง ท้องใบมีสีน้ำตาลอมเขียว
  • ดอกละมุด ลักษณะของดอกละมุดเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามง่ามกิ่ง มีกลีบรองดอกเรียงกัน 2 ชั้น กลีบดอกจะเชื่อมกันและยกตั้งขึ้นมี 6 กลีบ มีสีเหลืองนวล
รูปละมุดประโยชน์ของละมุด
  • ผลละมุด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ หรือมีปลายแหลม ผิวมีสีน้ำตาล ผลดิบจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนม ในยางมีสารที่ชื่อว่า “Gutto” รสฝาด แข็ง ส่วนผลสุกจะนิ่ม มีรสหวานไม่มียาง ข้างในผลมีเมล็ดรูปยาวรี สีดำฝังอยู่ในเนื้อ ใน 1 ผลจะมีประเมล็ดประมาณ 2-6 เมล็ด
ประโยชน์ละมุด
ละมุดสรรพคุณ

ประโยชน์ของละมุด

  1. ละมุดมีวิตามินซีสูงจึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค และช่วยป้องกันหวัดได้
  2. เมล็ดใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
  3. การรับประทานละมุดจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
  4. เปลือกของลำต้นละมุด นำมาต้มปรุงเป็นยาแก้บิด (ประเทศฟิลิปปินส์)
  5. ยางใช้เป็นยาถ่ายพยาธิชนิดรุนแรง
  6. ละมุดเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก จึงช่วยในการขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้อีกด้วย
  7. ใช้รับประทานเป็นผลไม้ ทำไวน์ หรือนำมาทำน้ำละมุด
  8. ยางที่มีสีขาวทุกส่วนของลำต้น สามารถนำไปใช้ทำหมากฝรั่งและรองเท้าบูทได้
ผู้สนับสนุน

คุณค่าทางโภชนาการของละมุด ต่อ 100 กรัม

  • ต้นละมุดพลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 19.96 กรัม
  • เส้นใย 5.3 กรัม
  • ไขมัน 1.1 กรัม
  • โปรตีน 0.44 กรัม
  • วิตามินบี2 0.02 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี3 0.2 มิลลิกรัม 1%
  • วิตามินบี5 0.252 มิลลิกรัม 5%
  • วิตามินบี6 0.037 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี9 14 ไมโครกรัม 4%
  • วิตามินซี 14.7 มิลลิกรัม 18%
  • ธาตุแคลเซียม 21 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุโพแทสเซียม 193 มิลลิกรัม 4%
  • ธาตุโซเดียม 12 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุสังกะสี 0.1 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

วิธีทำน้ำละมุด

  1. วัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีดังนี้ เนื้อละมุด 1 ถ้วย, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, น้ำแข็งทุบ 1 แก้ว, น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  2. นำผลละมุดมาปลอกเปลือกและเอาเมล็ดออก เอาแต่เนื้อแล้วใส่ลงไปในเครื่องปั่น
  3. หลังจากนั้นให้เติมเกลือ น้ำเปล่า และน้ำแข็งลงไปตามลำดับ
  4. ปั่นจนละเอียดให้เนื้อเข้ากัน
  5. นำมารินใส่แก้วเป็นอันเสร็จ ก็จะได้น้ำละมุดปั่นแบบเย็นชื่นใจช่วยดับกระหายได้ทันที
ละมุดเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรปริโภคเพียงเล็กน้อยและนานครั้ง ๆ และไม่ควรให้เด็กเล็กรับประทานละมุดโดยลำพัง หากต้องการให้เด็กรับประทานควรเอาเมล็ดออกก่อนพร้อมหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆพอคำที่เด็กจะสามารถเคี้ยวได้ เนื่องจากเมล็ดของละมุดมีความลื่นและมีโอกาสจะหลุดเข้าไปในหลอดลมได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ฟันยังขึ้นไม่ครบ ก็ควรจะบดให้ละเอียด และไม่ควรป้อนอาหารด้วยความรีบร้อน เพราะเด็กอาจจะสำลักติดคอได้
เคล็ดลับการเลือกซื้อละมุด อย่างแรกก็ให้ลองจับที่ผิวเบา ๆ ถ้าผิวไม่นุ่มมากก็ใช้ได้ ลักษณะภายนอกของผลผิวดูเกลี้ยงกลม มีสีน้ำตาลเป็นธรรมชาติและขั้วไม่หัก ก็จะได้ละมุดคุณภาพดี ๆแล้ว
แหล่งอ้างอิง : เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สำนักหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (เต็ม สมิตินันทน์), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและการจัดการความรู้ทางพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, USDA National Nutrient Database for Standard References
เรียบเรียงข้อมูลโดย MedThai (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)
ผู้สนับสนุน 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม