ลางสาด สรรพคุณและประโยชน์ของลาดสาด 11 ข้อ !

ลางสาด สรรพคุณและประโยชน์ของลาดสาด 11 ข้อ !

ลางสาด
ผู้สนับสนุน 

ลางสาด

ลางสาด ชื่อสามัญ Langsat (ลานสาท), Lancet (ลานเสท), Langsium (ลานเซียม)
ลางสาด ชื่อวิทยาศาสตร์ Lansium parasiticum (Osbeck) K.C.Sahni & Bennet (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Aglaia domestica (Corrêa) Pellegr., Lansium domesticum Corrêa)[1],[2],[3] จัดอยู่ในวงศ์กระท้อน (MELIACEAE)
ผลไม้ลางสาด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า รังสาด ลังสาด รางสาด ลางสาด (ไทย), ลาซะ ดูกู (มลายู) เป็นต้น โดยชื่อ “ลางสาด” หรือ “ลังสาด” นั้นมาจากภาษามาเลย์คำว่า “Langsat”[1],[2]

ลักษณะของลางสาด

  • ต้นลางสาด มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะมาลายู หมู่เกาะชวา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย[5] จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้ผลเมืองร้อน (ร้อนชื้น) มีลำต้นตรงสูงประมาณ 5-10 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นมุมแหลมกระจายกึ่งกลางลำต้นขึ้นไป ลักษณะปลายกิ่งตั้ง ส่วนผิวของลำต้นชั้นนอกมีสีเทาและขรุขระเปลือกไม่หลุดออก เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย หรือในดินร่วนปนทราย เป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดด อากาศชื้นปานกลาง และมีน้ำปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การตอนแบบควั่นกิ่ง การติดตา และการต่อกิ่ง[1]
ต้นลางสาด
  • ใบลางสาด ใบเป็นใบประกอบ เกิดสลับซ้ายขวาอยู่ต่างระยาบกัน ก้านใบกลม ลักษณะใบเป็นรูปไข่รีโค้งมน ปลายใบเรียวแหม ขอบใบเรียบ ที่ผิวใบมีไขนวลปกคุลมอยู่ ใบมีสีเขียวเข้ม ด้านล่างใบมีเส้นใบนูนเด่น[1]
ใบลางสาด
  • ดอกลางสาด ออกดอกเป็นช่อสีขาว ดอกเกิดตามลำต้นและตามกิ่ง ลักษณะของดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ[1]
ดอกลางสาด
  • ผลลางสาด ออกผลเป็นช่อ ๆ ผลสดมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง ผลมีลักษณะกลมรี เปลือกค่อนข้างบาง ผิวละเอียด ผลอ่อนนุ่ม มียางมากเป็นสีขาวขุ่น ๆ ส่วนเนื้อในนิ่ม ฉ่ำน้ำ มีรสหวานหอมอมเปรี้ยวเล็กน้อย ในผลมีเมล็ดมาก ประมาณ 5 เมล็ด และเมล็ดมีสีน้ำตาล ลักษณะกลมแบนรี มีเปลือกหุ้มบาง ๆ ผิวเมล็ดเรียบ มีเนื้อในสีขาว มีรสฝาดและขมจัด[1],[2]
รูปลางสาด
ผลลางสาด

ลองกอง ลางสาด แตกต่างกันอย่างไร

  • ลองกองแพงกว่าลางสาด
  • ลางสาดผลมีลักษณะออกกลมรี ส่วนลองกองผลจะค่อนข้างกลม
  • ลางสาดเปลือกบาง ส่วนลองกองเปลือกจะค่อนข้างหนา
  • ลางสาดมีผิวละเอียด ส่วนลองกองผิวจะหยาบเล็กน้อย
  • สีเปลือกของลางสาดเป็นสีเหลืองสดใส ส่วนลองกองเป็นสีเหลืองซีด
  • เปลือกลางสาดมียางสีขาวขุ่น ส่วนลองกองจะไม่มียาง
  • ลางสาดแกะรับประทานได้ยาก เปลือกล่อนได้ไม่ดี ส่วนลองกองแกะรับประทานได้ง่าย เปลือกล่อนออกจากเนื้อได้ดี
  • ลางสาดมีผลกลมเรียบไม่มีจุก แต่ผลลองกองมีจุก
  • ลางสาดมีเมล็ดมาก (ประมาณ 5 เมล็ด) ส่วนลองกองมีเมล็ดน้อยหรือไม่มีเลย
  • เมล็ดของลางสาดมีรสขมมาก ส่วนลองกองเมล็ดจะไม่ขม
  • เนื้อลางสาดมีรสหวานอมเปรี้ยวกว่า ส่วนลองกองมีรสหวาน
  • ความหวานของลางสาดมีค่าประมาณ 15-16 องศาบริกซ์ ส่วนความหวานของลองกองจะมีค่าตั้งแต่ 16-19 องศาบริกซ์ สรุปก็คือลางสาดหวานน้อยกว่าลองกอง
  • เมื่อสุก เนื้อลางสาดจะฉ่ำน้ำ ส่วนเนื้อของลองกองจะแห้งและขาวใสเป็นแก้ว
  • ลางสาดมีเนื้อน้อยกว่าลองกอง
  • ช่อผลของลางสาดจะสั้นกว่าช่อผลของลองกอง
  • ใบของลางสาดไม่ขม แต่ใบลองกองมีรสขมจัด
  • ใบลางสาดค่อนข้างเรียบ ส่วนใบของลองกองจะเป็นคลื่นใหญ่ร่องลึก
ผู้สนับสนุน

สรรพคุณของลางสาด

  1. เมล็ดนำมาฝนกับน้ำฝนให้ข้น ใช้เป็นยาหยอดหู แก้อาการหูอักเสบ หรือเป็นฝีในหูได้ (เมล็ด)[1]
  2. เปลือกต้นมีรสฝาด มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ (เปลือกต้น)[2]
  3. เปลือกต้นใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ (เปลือกต้น)[1],[2]
  4. เปลือกผลมีสารโอเลอเรซิน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง (เปลือกผล)[2]
  5. เปลือกผล มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องร่วง ท้องเดิน ด้วยการนำเปลือกมาหั่นแล้วนำไปคั่วชงกับน้ำเดือด ใช้กินครั้งละครึ่งถ้วย (เปลือกผล)[1]
  6. ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (เปลือกต้น,เมล็ด)[1],[2]
  7. ช่วยรักษาโรคเริม (เมล็ด)[1]
  8. ลางสาด สรรพคุณของเมล็ดช่วยรักษาโรคงูสวัด (เมล็ด)[1]

ประโยชน์ของลางสาด

  1. ประโยชน์ลางสาด โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ให้รสหวานอร่อย อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหาร โดยเนื้อลางสาดจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร โปรตีน ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส วิตามินบี1 วิตามินบี2 และวิตามินซี[1]
  2. เมล็ดของลางสาดมีสารอัลคาลอยด์ (Acid Alkaloid) ซึ่งเป็นพิษกับหนอนและแมลง สามารถนำใช้ทำเป็นยาฉีดพ่นกำจัดแมลงได้ โดยใช้เมล็ดลางสาดจำนวนครึ่งกิโลกรัม นำมาบดให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำประมาณ 20 ลิตร แล้วแช่ทิ้งไว้ 1 วัน หลังจากนั้นนำมากรองเอาแต่น้ำแล้วนำมาใช้ฉีดพ่นตามแปลงผัก[4]
  3. เปลือกผลแห้ง เมื่อนำมาเผาจะมีกลิ่นเหม็นสามารถนำมาใช่ไล่ยุงได้[1]
ลูกลางสาด
References
  1. ฐานข้อมูลลองกอง ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.longkong.ist.cmu.ac.th.  [16 พ.ย. 2013].
  2. รายการสาระความรู้ทางการเกษตร ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่.  “เรื่อง ลางสาด“.  บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร ประจำวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2549.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th.  [16 พ.ย. 2013].
  3. ฐานข้อมูลการเกษตร ของประเทศไทย. อรรถาภิธานศัพท์เกษตรไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: pikul.lib.ku.ac.th.  [16 พ.ย. 2013].
  4. OkNation.  “ผลิตพืชอินทรีย์ / สมุนไพรกำจัดโรคและแมลง“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.oknation.net.  [16 พ.ย. 2013].
  5. โรงเรียนสวนกุหลายวิทยาลัย นครศรีธรรมราช.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.skns.ac.th.  [16 พ.ย. 2013].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by thaieyes, redsummer, arditpg, Yeoh Thean Kheng, Starr Environmental, sm_forestgarden, vicequeenmaria)
เรียบเรียงข้อมูลโดย MedThai (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)
ผู้สนับสนุน 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม