โครงการสวนป่าห้วยแก้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสุรินทร์
โครงการสวนป่าห้วยแก้วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสุรินทร์
กรณีฎีกา
สำนักราชเลขาธิการแจ้งว่าทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามหนังสือที่ รล ๐๐๑๐ /๗๖๐๕ ลงวันที่ ๒ เดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๖
พ.ศ. ๒๕๕๖
ความว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง ขอขอบคุณสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาที่รายงานข้อเท็จจริงและความเหมาะสมกรณี นายอิทธิกร อมรชินธนา อยู่บ้านเลขที่ ๓๔ หมู่ที่ ๖ ตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ทรงรับสวนป่าห้วยแก้ว อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เป็นโครงการตามพระราชดำริ เนื่องจากมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งในเรื่องนี้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาเห็นว่า สามารถรับสวนป่าห้วยแก้วไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ เนื่องจากผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ชัดเจน สามารถทำการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งราษฎรที่อยู่อาศัยโดยรอบ สามารถช่วยกันปกป้องและอนุรักษ์ป่าไม้ร่วมกับส่วนราชการได้ ความแจ้งอยู่แล้ว นั้น
ได้นำความกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาทแล้ว ทรงเห็นตามข้อพิจารณา

ความเป็นมา
1. โครงการสวนป่าห้วยแก้วฯ เกิดขึ้นจากฎีกาของนายอิทธิกร อมรชินธนา ประธานองค์กรหินล้ม เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ถึงกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอให้ทรงรับสวนป่าห้วยแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหินล้ม ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายผืนป่าซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ และกองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีหนังสือขอให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา และกรมป่าไม้ ดำเนินการประสานหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางดำเนินการในกรณีดังกล่าว
2. ในเดือนกรกฎาคม 2554 สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงาน กปร. กรมป่าไม้ จังหวัดสุรินทร์ ผู้นำชุมชน และกลุ่มราษฎรเครือข่ายอนุรักษ์ป่าห้วยแก้ว ได้ประชุมพิจารณาแนวทางดำเนินการและตรวจสอบพื้นที่ป่าห้วยแก้ว ร่วมกัน โดยเห็นว่าพื้นที่สวนป่าห้วยแก้วมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก และมีปัญหาบุกรุกตัดไม้ จับจองพื้นที่ป่า รวมทั้งใช้ประโยชน์จากป่าโดยไม่เหมาะสม จึงเห็นควรให้สร้างความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและราษฎรที่อยู่โดยรอบ เพื่อช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าแห่งนี้ และวางกติกาการใช้ประโยชน์จากป่าเพื่อให้คนกับป่าอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
3. เดือนกันยายน 2556 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับพื้นที่สวนป่าห้วยแก้ว จังหวัดสุรินทร์ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยทรงเห็นชอบตามแนวทางดำเนินการที่ส่วนราชการและภาคประชาชนได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว
วัตถุประสงค์
1. เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์
2. สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ และสร้างเครือข่ายในการอนุรักษ์ป่าไม้
3. เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้อย่างมีส่วนร่วม สำหรับผู้สนใจและประชาชนทั่วไป
4. เพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่หายากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
พื้นที่โครงการ
สวนป่าห้วยแก้วตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหินล้ม มีพื้นที่จำนวน จำนวน 22,930 ไร่ แบ่งเป็น 2 แปลง ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 13,090 ไร่ และแปลงที่ 2 เนื้อที่ 9,840 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดสุรินทร์ คือ รัตนบุรี สนม และโนนนารายณ์ รวม 6 ตำบล
ในช่วงปี 2513-2535 กรมป่าไม้ได้ดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าแห่งนี้ขึ้นเพื่อทดแทนป่าต้นน้ำลำธารเดิมที่มีสภาพเสื่อมโทรม ต่อมาในปี 2545 กรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ดูแล อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิรูประบบราชการ แต่มีปัญหาขาดการดูแลพื้นที่ป่าอย่างจริงจัง และ ออป. ได้ตัดไม้เดิมออกเพื่อปลูกต้นยูคาลิปตัส ไม้โตเร็วต่างๆ และต้นยางพารา ทำให้เกิดการประท้วงจากกลุ่มราษฎรที่ต้องการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้ จนกระทั่ง ออป. ยอมส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ดูแลเช่นเดิมเมื่อปี 2553
สภาพพื้นที่ป่าไม้ของโครงการโดยส่วนใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์เนื่องจากราษฎรได้จัดตั้งเครือข่ายอนุรักษ์และมีการดูแลรักษาป่าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีการลักลอบตัดไม้อยู่ในหลายจุด ด้านกรมป่าไม้เองก็มีปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่และงบประมาณสนับสนุน ทำให้การดูแลป่าไม่ทั่วถึง
แผนการดำเนินการ
1. แผนงานฟื้นฟูและพัฒนาป่าไม้
- จัดทำแปลงปลูกป่าพื้นบ้านอาหารชุมชน
- จัดทำแปลงสาธิตและถ่ายทอดความรู้ด้านป่าไม้ในพื้นที่โครงการ
- อนุรักษ์พันธุ์ไม้มีค่าประจำถิ่น
- เพาะชำกล้าไม้มีค่า
2. แผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตและปลูกจิตสำนึก
- อบรมเยาวชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
- อบรมราษฎรด้านการพัฒนาอาชีพ และสร้างเครือข่ายการดูแลรักษาป่า
และกลุ่มการใช้ประโยชน์จากป่า
- กิจกรรมจัดเวทีประชาคมทุกหมู่บ้านรอบ ๆ โครงการ จำนวน 30 หมู่บ้าน
3. แผนงานป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
- จัดทำทางตรวจการและแนวกันไฟรอบพื้นที่โครงการ
- สำรวจขอบเขตและรางวัดพื้นที่ พร้อมฝังหมุดหลักเขตรอบโครงการ
- พัฒนาเครือข่ายวิทยุสื่อสาร(ร่วมกับการลาดตระเวนพื้นที่)
- กิจกรรมส่งเสริมอาสาสมัครป้องกันรักษาป่า โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
4. แผนงานอำนวยการและประชาสัมพันธ์
- งานซ่อมแซมอาคารและระบบสาธารณูปโภคของโครงการฯ
- งานจัดหาวัสดุสำนักงาน
- งานจัดจ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์
- งานพระราชดำริและพัฒนาป่าไม้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น