โครงการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา
ความเป็นมา :
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2545 ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ได้มาประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราช ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา และเห็นชอบที่จะให้การพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาโดยเน้นการฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ และสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยให้มีการจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินงานต่อไป
คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน2545 ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ส่วนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ในระยะยาว ให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยยึดหลักการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ให้สามารถคืนความอุดมสมบูรณ์และเป็นพื้นที่ที่ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเป็นสุข รวมทั้งสามารถรักษาสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ภายใต้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นรองประธาน ผู้แทนส่วนราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนภาคประชาชน เป็นกรรมการ และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ
หลักการและเหตุผล :
สืบเนื่องจากสภาพปัญหาการถูกบุกรุกทำลายป่าไม้ในเขตป่าต้นน้ำของพื้นที่ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินจากผืนป่าสมบูรณ์ ให้เปลี่ยนไปเป็นพื้นที่สวนยางพาราจนเกิดการลดลงของผืนป่าต้นน้ำอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง และนับจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเดิมจนอยู่ในสภาวะวิกฤติ การพัดพาพังทลายของดินเลื่อนไหล (Landslide) จากเขตต้นน้ำลงสู่พื้นที่กลางฝั่ง และปลายน้ำ ทับทวียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังส่งผลกระทบ ต่อการกักเก็บปริมาณน้ำดิบจากป่าธรรมชาติในเขตต้นน้ำกรมป่าไม้จึงได้จัดทำโครงการ “เชิงรุก” เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกและสนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เข้ามามีบทบาทในการร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นร่วมกัน โดยน้อมนำแนว พระราชดำริและพระราชเสาวนีย์มาใช้เป็นกรอบการดำเนินงานของโครงการนี้
จังหวัดสงขลา มีพื้นที่ซึ่งจัดอยู่ในเขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา รวม 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง หาดใหญ่ สะเดา รัตภูมิ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร กระแสสินธุ์ ควนเนียง นาหม่อม บางกล่ำ คลองหอยโข่ง และมีลุ่มน้ำย่อยสำคัญ ๆ ได้แก่ ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา, ลุ่มน้ำคลองรัตภูมิ, ลุ่มน้ำคาบสมุทรสทิงพระ และพื้นที่ทะเลสาบ รวมสายน้ำประมาณ40 สาย จังหวัดสงขลา มีป่าสงวนแห่งชาติ 41 ป่า เนื้อที่รวม1,256,669.25 ไร่ แต่จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2548มีพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์เหลืออยู่ เพียง 513,687.5ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 11.96 ของเนื้อที่จังหวัด ก่อให้เกิดการ พังทลาย และตะกอนไหลลงในทะเลสาบในปริมาณที่สูงต่อปี ฯลฯ
วัตถุประสงค์โครงการ :
1.เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
2.เพิ่มพื้นที่สีเขียวของจังหวัดสงขลา เพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ป้องกันอุทกภัยภัยแล้ง และการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และแก้ไขปัญหาการตื้นเขินจาก ตะกอนดิน ทั้งแหล่งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยวิธีธรรมชาติ
3.เพื่อเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กร เอกชนและภาคประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือที่ดี จากชุมชนท้องถิ่น
เป้าหมาย:
1.ส่งเสริม สร้างจิตสำนึก และสนับสนุนจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครรักษ์ป่า และสร้างพื้นที่สีเขียวของหมู่บ้านในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จำนวน 16 หมู่บ้าน/ปี
2.ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ความรู้ควบคู่กับการสำรวจข้อมูลในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติงานและดำเนินงาน
3.จัดฝึกอบรมกลุ่มผู้นำองค์กร/เยาวชนของหมู่บ้านเป้าหมาย เพื่อเป็นแกนนำดำเนินงานรวม 2 รุ่น ๆ ละ 80 คน
4.เพาะชำกล้าไม้ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวใน แต่ละหมู่บ้านเป้าหมายไม่น้อยกว่า 7,000 ต้น
5.จัดทำฝายต้นน้ำลำธารตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม
6.จัดการประกวดผลงานหมู่บ้านสีเขียวดีเด่น
7.ประเมินผลและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของโครงการ
ที่ตั้งของโครงการ :
จังหวัดสงขลา
ผลที่คิดว่าจะได้รับ :
1.ทรัพยากรป่าไม้ในจังหวัดสงขลาได้รับการฟื้นฟูอนุรักษ์ และพัฒนา สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นตลอดจนแหล่งน้ำในทะเลสาบสงขลาได้รับการฟื้นฟู อนุรักษ์และมีคุณภาพดีขึ้น
2.แก้ไขปัญหาการพังทลายของดินและการไหลพัดพาตะกอนลงสู่ทะเลสาบสงขลา ตลอดจนแหล่งน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลาลดลงเนื่องจากการปลูกต้นไม้ยึดหน้าดิน
3.สามารถแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรน้ำ ดิน ป่าไม้ อย่างยั่งยืน
4.ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาแม่น้ำ คูคลอง ทำให้ราษฎรในพื้นที่เป้าหมายมีคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจดีขึ้น
5.ราษฎรมีจิตสำนึกและเกิดการมีส่วนร่วมของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างองค์กรลงได้
6.ก่อให้เกิดอาสาสมัครคอยเฝ้าระวังดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเองและเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายหมู่บ้านสีเขียวต่อไป
ที่มาของข้อมูล :
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น